Aimspire ก่อตั้งขึ้นในปี 2556 โดย คุณอรพิมพ์ เหลืองอ่อน กรรมการผู้จัดการ และต้องหทัย กุวานนท์ Managing Partner อดีตผู้บริหารบริษัทชั้นนำหลายแห่ง
เริ่มจากการเป็นที่ปรึกษาด้านการตลาด และการสร้างแบรนด์ให้หลายบริษัท มีทีมงานซึ่งมีประสบการณ์หลากหลายอุตสาหกรรม ทั้ง FMCG Retail Consumer Durable QSR ฯลฯ ส่วนตัว คุณอรพิมพ์ เคยทำงานด้านมีเดีย และอยู่ฝ่าย Marketing ของซิตี้แบงก์มาก่อน
ช่วงปี 2558 Aimspire เริ่มทำงานเป็น Mentor ให้กับ Startup ภายใต้โครงการของกรมส่งเสริมการส่งออก จากนั้นได้รับเชิญให้เป็นกรรมการตัดสิน ทำให้มี Startup เข้ามาหาตลอด บริษัทจึงเริ่มขยายงานการเป็น Startup Incubator จัดคอร์สบ่มเพาะ ขณะเดียวกันก็มี Connection กับองค์กรด้วย จึงทำหน้าที่เฟ้นหา Startup ทำงานเหมือนเป็นตัวแทนทั้งสองฝ่าย ทำให้มาพบ และทำงานด้วยกันได้ราบรื่น
คุณอรพิมพ์ เหลืองอ่อน กรรมการผู้จัดการ กล่าวว่า งานหลักของ Aimspire เป็นการช่วยเรื่องการขาย คือ Startup ต้อง “มีของ” มาแล้ว อยากขายของนั้น
”เราดูตั้งแต่ UX UI ดูตั้งแต่การจับ Target Group ดู Business Model ดูว่าเขาควร Commercialized แบบไหน ใช้ช่องทางไหนในการขาย รวมถึง Business Model ว่าควรเป็น B2B B2C หรือ B2B2C และเชื่อมให้ลูกค้าองค์กรด้วย”
ปัจจุบัน Aimspire มี Startup ใน Network ประมาณ 2,000 ราย ทั้งในไทยกับเซาท์อีสต์เอเชีย สัดส่วน 60:40
ครอบคลุม Food Service Market Place SAS -Software as a Service Agriculture Farm Management การปรับปรุง Customer Experience ฯลฯ ขณะที่เมื่อบ่มเพาะ Startup ถึงระยะหนึ่ง ก็จะหา Funding ติดต่อนักลงทุนให้ด้วย
เมื่อถามว่า มองภาพรวม Startup ในไทยอย่างไร คุณอรพิมพ์ กล่าวว่า Startup ในไทย “แน่น”
“แน่น” - ในมุมที่ Product เยอะมาก แต่คนทำเกิดจริงๆ ยังไม่เยอะเท่าไหร่“
ประเด็นข้างต้น มองได้เป็น 2 มุม
มุมการลงทุน อาจมองได้ว่า Startup เหล่านั้นสามารถเติบโตไปได้แบบหวือหวามากๆ คือ ขยายออกไปต่างประเทศหรือออกไประดับ Global และ Disrupt อะไรบางอย่าง เมืองไทยกลุ่มนี้ มี แต่ไม่เยอะ
อีกกลุ่มหนึ่งเป็นกลุ่มที่พร้อมทำงานกับองค์กร กลุ่มนี้เยอะกว่า โดยองค์กรอาจเลือกลงทุนหรือไม่ก็ได้ แต่เมื่อร่วมงานกัน (Partnership) แล้ว Startup จะโตขึ้นเยอะ
“Startup ที่โตได้ด้วยตัวเอง เมืองไทยมีน้อยมากๆ นับรายได้เลย กลุ่มนี้ คือ โตด้วยตัวเองไม่ได้ ต้องโตด้วย Partnership กลุ่มนี้มีเยอะ“
คุณอรพิมพ์ ให้ความเห็นว่า จุดอ่อนของ Startup ไทย คือ ขาด Sense ความเป็นผู้ประกอบการ
“Startup ไทยไม่ได้ถูกสอนมาให้เป็นผู้ประกอบการเท่าไหร่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนที่มีเทคโนโลยีเยอะๆ มักโฟกัสอยู่แต่เทคโนโลยี ความรู้ไม่รอบด้าน ไม่รู้ว่า Consumer Insight เป็นยังไง หลายรายมีของแต่ไม่รู้จะขายใคร”
“หลายคนที่ล้มหายตายจาก เกิดจากว่า ไม่มี Sense ของความเป็นผู้ประกอบการ คนที่เริ่มโตได้ คือ มีวิญญาณของความเป็นผู้ประกอบการสูง“
“เทคโนโลยี ไม่ใช่ Key แต่มันคือความดิ้นรน เพื่อให้ธุรกิจอยู่รอด “
กรรมการผู้จัดการ Aimspire ให้ความเห็นว่า ที่ผ่านมา คนจำนวนมาก เข้ามาทำ Startup เพราะเป็นแฟชั่น เป็นกระแส รัฐส่งเสริมเยอะ มีงานทุกวัน มีให้เงินด้วย มีเวทีประกวด ซึ่งไม่ได้บอกว่าไม่ดี แต่อาจทำให้คนรุ่นใหม่หลายๆคนเข้าใจผิด ว่า Startup เป็นแค่โปรเจ็กต์
“บางคนทำของเสร็จเรียบร้อยแล้ว ใช้เวลาเป็นปี เป็นแพลตฟอร์ม แต่พอถึงเวลาต้องไปดิ้นรนกับการขายจริงๆ ทำไม่ได้ ก็ล้มหายตายจากไป หรือบางคนก็เปลี่ยน ผันตัวเองไปรับจ๊อบแทน กลายเป็น Vendor ไป ไม่เป็น Startup แล้ว“
Aimspire เริ่มทำงานจัดหา Startup ให้องค์กรตั้งแต่ประมาณ 2 ปีที่แล้ว เริ่มจากธุรกิจประกันภัยที่ต้องการเทคโนโลยี เพื่อทำให้การประกันดีขึ้น ปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้า หลังจากนั้นก็มีกลุ่มอื่นๆ เข้ามาเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็น Logistic Distributor FMCG Food ฯลฯ
โดยการทำงาน เน้นเชิงกลยุทธ์ คือ องค์กรที่ต้องการลงทุนกับ Startup ไปต่อยอดทำให้เกิดธุรกิจใหม่ๆ สินค้าและบริการใหม่ๆ Innovation ใหม่ๆ การเกี่ยวข้อง มี 3 ระดับ คือ
สำหรับ Aimspire หากเปรียบเทียบว่า ได้ Startup มา 100 ทีม 50% เป็น Partnership 30% เป็น Co-Create และ 20% เป็น Investment
Tipco CONNEXT Hackathon ภายใต้แนวคิด Eat Proper Wherever You Are เป็นโครงการ Corporate Accelerator ที่ Aimspire ทำให้ทิปโก้
ล่าสุด หลังจบโครงการ มี Startup ประมาณ 29 ราย กำลังจะทำงานกับทิปโก้ โดยทีมที่ร่วมงานจริงจังแล้ว เช่น Foodindiv แพลตฟอร์มเลือกอาหารให้เหมาะกับสุขภาพ โดยทิปโก้นำไปใช้จริง เริ่มจากในองค์กรก่อน และขยายความร่วมมือต่อไป
คุณอรพิมพ์ ให้ความเห็นถึงการทำงานกับองค์กรว่า หลายครั้ง องค์กรไม่รู้ว่า อยากได้อะไรจาก Startup พื้นฐานคือ ต้องการ Innovation ใหม่ๆ อยากได้แพลตฟอร์ม Business Model ใหม่ๆ Aimspire ก็จะเข้าไปช่วยตั้งแต่ตอนแรก
“เราดูสิ่งที่เขามี สิ่งที่ขาด Pain Point ที่เจออยู่ Startup ตอบได้ไหม ถ้าตอบได้ เราก็ช่วยตั้งแต่ตอนนั้นเลย ตั้งแต่การวางกลยุทธ์ เพราะจริงๆ Startup ก็กว้างมาก หาหว่านๆ ไปก็จะไม่โดน ต้อง Specific Area Specific Technology ลงมา ถึงจะตอบได้จริงๆ ต้องเรียกว่า เราเน้นมุมลึก เน้นความเข้าใจอุตสาหกรรม”
กรรมการผู้จัดการ Aimspire ฉายภาพให้เห็นชัดเจนขึ้นว่า ลูกค้าบางรายอยู่ในธุรกิจ Fin Tech แต่สิ่งที่มองหาอาจไม่ใช่ Startup เกี่ยวกับ Fin Tech ก็ได้
“คือเขามองหาเรื่อง Customer Experience มองหาเรื่อง Marketing มองหาอะไรที่ทำให้ลูกค้ามีประสบการณ์ดีขึ้น มี App มาช่วย สรุป คือ Aimspire เชี่ยวชาญเรื่อง Commercialization เรื่อง Marketing เรื่องการช่วยองค์กร ให้มี Innovation ใหม่ๆ การหา Business Model ใหม่ๆ เรื่องการทำให้ Corporate คือเราไม่มีข้อจำกัด เรื่องอุตสาหกรรม“
คุณอรพิมพ์ กล่าวว่า Aimspire ไม่ได้ตั้งเป้าเป็นตัวเลข แต่ตั้งเป้า เรื่องอยากเห็นเป็นรูปธรรมในมุมที่เมื่อ Startup ทำงานกับองค์กรแล้ว มีนวัตกรรมใหม่ๆ Business Model ใหม่ๆ ออกมา ทำให้ทั้งคู่เติบโต รุ่งเรือง
คุณอรพิมพ์ กล่าวต่อไปว่า ปัจจุบัน Tech Startup เป็นที่รู้จักอยู่ในคนกลุ่มหนึ่งเท่านั้น จุดมุ่งหมาย คือ ต้องการทำให้กว้างขึ้น อยากให้ Startup สามารถ Go Mass ได้ อยากให้องค์กรได้เทคโนโลยี ทำงานกับ Startup ที่มีคุณภาพ
กรรมการผู้จัดการ มองว่า 3 ปีจากนี้ Startup เมืองไทย จะยิ่งโตขึ้นเรื่อยๆ มี Corporate Accelerator เยอะขึ้นเรื่อยๆ ยิ่ง Startup ทำงานกับองค์กรมากขึ้นเท่าไหร่ ก็จะโตมากขึ้นเท่านั้น
“เพราะหนึ่ง คนเริ่มรู้มากขึ้นแล้วว่า Startup คืออะไร สอง รุ่นพี่ผ่านบทเรียนมาเยอะแล้ว เพราะฉะนั้นการถ่ายทอด Ecosystem ต่างๆ ก็ช่วยให้คนรุ่นต่อๆ มาโตได้เร็วขึ้น เทคโนโลยีจะไปเร็วมาก“
“ส่วนในฝั่ง Corporate ต่อไปต้องปรับตัวเยอะมาก ถ้าเป็นองค์กรใหญ่ โครงสร้างเคลื่อนไหวช้าจะไม่ทัน ต้องปรับตัวเร็วมาก และตามเทคโนโลยีให้ทัน เพราะมันไปเร็วจริงๆ คือ Corporate ภาระรับผิดชอบเยอะมาก มียอดขาย มี KPI ต้องโน่นต้องนี่ เต็มไปหมด แต่ถ้าไม่ปรับตัวตั้งแต่ตอนนี้ อีกสามปี ก็จะตามไม่ทัน “